บทเรียนนี้เรามาเรียนกันสั้น ๆ เรื่องหัวใจของทฤษฏีคลื่น Elliott Wave กันครับ
อันดับแรกเราต้องกลับมาที่ความเข้าใจพื้นฐานเรื่องของกราฟราคากันก่อน กราฟราคาคือการบันทึกเหตุการณ์ในปัจจัยพื้นฐาน ทั้งเรื่องที่สมเหตุสมผลและเรื่องที่เรามองว่าไม่สมเหตุสมผล ต่างก็ถูกกราฟราคาบันทึกเอาไว้ด้วยกันทั้งคู่ เช่นการควบคุมราคา การแทรกแซงราคา หรือการปั่นหุ้น เหล่านี้ล้วนสะท้อนออกมาทางกราฟราคาทั้งสิ้น
สังเกตว่าบ่อยครั้งที่ดูกราฟราคาแล้วเรามั่นใจว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร จนกระทั่งผ่านไปเป็นปีก็เริ่มมีข่าวลือ จากข่าวลือกลายเป็นการสอบสวน เป็นคดีความอะไรต่าง ๆ
ความหมายของ Degree
Degree คือเหตุการณ์หรือ Event ในแต่ละช่วงเวลาที่กราฟราคาบันทึกเอาไว้ มีทั้งเหตุการณ์ขนาดใหญ่ เช่นสงครามโลก หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่กินเวลาไม่นาน เป็น Subset ของเหตุการณ์ใหญ่อีกที เช่น เหตุการณ์ใหญ่คือสงครามโลก ในระหว่างที่สงครามโลกกำลังดำเนินอยู่ก็จะเกิดเหตุการณ์ย่อย ๆ เช่นการระดมทุนเพื่อสร้างโรงงานอาวุธ ก็จะทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่นโลหะต่าง ๆ มีราคาถีบตัวสูงขึ้น หรือการขาดทุนอย่างหนักในอุตสาหกรรมบางอย่างเช่น อุตสาหกรรมบันเทิง ท่องเที่ยว เป็นต้น


2 ภาพบนแสดงฟอร์ม Impulsion 2 Degree (ดำ-แดง)

ภาพบนแสดง Impulsion ขาลง มี Deree ย่อยสีน้ำเงินอยู่ในคลื่น X3 ใหญ่สีดำ
Degree
- ภาพบน คลื่น 2 ใหญ่ (สีดำ) บันทึกเหตุการณ์ช่วง FED Fund Rate (นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ฯ) ตลาดมีการสร้างฟอร์ม Sideway Correction ก่อนถึงเวลาประกาศตัวเลขถึง 2 วัน
- พอ FED ประกาศตัวเลข ตลาดมีความชัดเจนก็ร่วงลงมาเป็นคลื่น X3 ขาลง
- ระหว่างที่ร่วงลงมาก็มีการพักตัวเป็นคลื่น 2-4 ย่อย (สีน้ำเงิน)
- ให้สังเกตุกรอบเวลาของ 2 ย่อย (สีน้ำเงิน) กินเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะว่าบันทึกเหตุการณ์การช่วงที่ตลาด Volume น้อย คือบ่ายบ้านเรา (ตลาดยุโรป)
- พอพักตัวช่วงบ่ายจบ ก็วิ่งลงแรงช่วงตลาดสหรัฐ ฯ เปิด (ค่ำของบ้านเรา) เป็นคลื่น 3 ย่อย (สีน้ำเงิน)
- ต่อมาตลาดสหรัฐ ฯ เริ่มซื้อขายน้อยลงท้ายตลาด (หลังเที่ยงคืนบ้านเรา) ก็เกิดการพักตัวเป็นคลื่น 4 ย่อย (สีน้ำเงิน) แค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะวิ่งลงมาเป็นคลื่น 5 ย่อย
- และคลื่น 4 ใหญ่ ก็เป็นการพักฐานใหญ่ช่วงปลายสัปดาห์ตลอดทั้งวันศุกร์ ต่อเนื่องถึงเช้าวันเสาร์

ภาพบน ผมวาดเส้นก้างปลาแสดงเป็นเทรนขาขึ้น เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้นครับ
เห็นไหมครับว่าคลื่นใน Degree ใหญ่ คือการบันทึก Event ขนาดใหญ่ก็จะต้องใช้เวลาในการสะสมตัวนาน (Event FED Fund Rate) แต่คลื่น Degree ย่อย บันทึกเหตุการณ์เล็ก ๆ เช่นช่วงตลาดเปิด-ปิด ระหว่างวัน ก็จะใช้เวลาสะสมตัวแค่ไม่กี่ชั่วโมง

ภาพบนแสดงตรรกะเรื่องขนาดของเหตุการณ์ใหญ่และเหตุการณ์ย่อย
มาดูกันอีกตัวอย่างครับ

ภาพบนกราฟ S&P 500 ราย 15 นาที เป็นการพักตัว ABC แล้วลงต่อตามภาพใหญ่
- สังเกตที่คลื่น B (พ่อ) เป็นการฟอร์มตัวช่วงประกาศตัวเลข Core CPE price index MOM ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ถือเป็นการซึมซับเหตุการณ์ใน Degree ใหญ่
- การย่อตัวในวงกลม เป็นการพักตัวตามช่วงเวลา จึงใช้เวลาในการฟอร์มตัวไม่นาน ถือเป็นการเล่นอยู่ใน Degree ลูกหรือ Degree ย่อย ครับ

ภาพบนให้ดูระยะเวลาของ พ่อ-ลูก ถือว่าผิดตรรกะเรื่อง Degree ครับ
สรุปสาระสำคัญ
คลื่น 2-4 degree ใหญ่ (พ่อ) จะต้องใช้เวลาฟอร์มตัวมากกว่าคลื่น 2-4 Degree ย่อยเสมอ (ลูก) เพราะบันทึกเหตุการณ์สำคัญในภาพใหญ่เอาไว้ และลูกคือ Subset ของพ่อ จึงต้องมีอายุน้อยกว่าพ่อเสมอครับ
สรุป มุมมองทางเทคนิค
ความหมายของคำว่า Degree ในแง่ปฏิบัติ ก็คือความหมายเดียวกับหลักการวิเคราะห์กราฟแบบ Multi Timeframe นั่นเองครับ ตัวอย่างเช่น แท่งเทียน Timeframe Daily จะต้องใช้เวลามากกว่าแท่งเทียน Timeframe Hour หรือรายชั่วโมงเสมอ ในรายชั่วโมงก็ต้องใช้เวลามากกว่าราย Minute หรือรายนาทีเสมอเช่นกัน ตรรกะต้องเป็นแบบนี้เสมอ ๆ ครับ คือแท่งเทียนทั้ง 3 Timeframe จะใช้เวลาเท่ากันไม่ได้ เช่นรายนาทีจะใช้เวลามากกว่ารายชั่วโมงไม่ได้ ผิดตรรกะด้าน Degree ครับ
การนับคลื่นก็ตกอยู่ในตรรกะทางธรรมชาตินี้อย่างไม่มีข้อยกเว้นเช่นกันครับ
ติดต่อสอบถามคอร์สเรียน แนะนำติชมมาที่
Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Line ID : i_woottichai
ช่อง YouTube : www.youtube.com/@woottichaiinsawang9591
มาพูดคุยกันที่แฟนเพจ www.facebook.com/advanceelliottwave