เรื่องของ Trend 

ตำราของ Robert Prechter (Elliott Wave Principle) จะให้เทรนเป็น 1 2 3 4 5 เสมอ แต่ตำราของ Glenn Neelly (Mastering Elliott Wave) จะแบ่งเทรนเป็น 2 แบบ คือเทรนแบบ 5 คลื่น (12345) และเทรนที่มากกว่า 5 คลื่น ( ABCXABC... )

 

ภาพบนตำราของ Robert Prechter (Elliott Wave Principle)

จากภาพ รูปแรกคือ 3 ยาวที่สุดและมีคลื่นย่อยเป็น  1 2 3 4 5 อยู่ในนั้น, รูปกลางคลื่น 5 ยาวที่สุดและมี  1 2 3 4 5 เป็นคลื่นย่อยอยู่ในนั้น, และรูปขวาสุด คลื่น 1 ยาวที่สุดและมี 1 2 3 4 5 เป็นคลื่นย่อยอยู่ในนั้น

ทั้ง 3 รูปนี้ถ้าเจอในของจริงแบบ Real Time ท่านจะงงมาก เพราะท่านจะไม่รู้ว่านี่คือคลื่น  1 ใหญ่หรือยัง หรือว่าเป็นแค่คลื่นย่อยของ 1 ที่ใหญ่กว่า เพราะทุกคลื่นมีขนาดเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน ไม่สามารถแยก Degree ได้อย่างชัดเจน ให้สังเกตุที่ผมวงกลม ทุกคลื่นทั้งใหญ่และย่อยมีขนาดใกล้เคียงกัน

ทดลองทำตามผมในภาพขวาสุด 1) ลองลงแบบคลื่น 3 ยาวที่สุด (3rd Extension), 2) ลง Label แบบ 5 ยาวที่สุด (5th Extension) , จะสังเกตว่าไม่ว่าจะลงแบบไหนก็สามารถลงได้ทั้งหมดเลย

ที่ถูกต้องคือคลื่นชุดใหญ่กับชุดย่อยต้องมีขนาดของเวลาและราคาที่แตกต่างกัน Price and Time 

พ่อกับลูกต้องมีอายุแตกต่างกัน นี่คือตรรกะด้าน Degree แต่หากพ่อกับลูกใช้เวลาใกล้เคียงกัน เราจะบอกว่านี่คือพ่อกับลูกไม่ได้ เพราะเขาอยู่ในคลาสเดียวกัน มันผิดตรรกะ

 

 

 

ภาพบนจากหนังสือของ Glenn Neelly (Mastering Elliott Wave)

 จากภาพบนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน บนและล่าง รูปบนนับแบบ Robert Prechter (Elliott Wave Principle) คือ 12345 แล้วย่อยเป็น 12345 ซ้อนกันถึง 3 Degree เขาบอกนับแบบนี้ Incorrect คือไม่ถูก

ส่วนภาพล่างเขานับโดยแบ่งเป็น 3 Phase คือ ABC x ABC x ABC มี Zigzag ทั้งหมด 3 ชุด เป็นเทรนที่เกิน 5 คลื่น , ในบรรทัดที่สองเขาอธิบายถึง เวลาและราคาที่ใกล้เคียงกัน (Similarities in Price and Time) และกฏอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง, 

 

 

 

ภาพบนคือ คลื่นย่อยของ 3 เป็นชุดคลื่นที่เกิน 5 คลื่น ให้สังเกตุว่าแต่ละคลื่นมีขนาดใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะการย่อตัวของคลื่น b ทั้งสองตำแหน่ง และคลื่น x ที่อยู่ตรงกลาง

 


 

 ผมไม่ค่อยพูดถึงตำรามานานมาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตลาดปัจจุบันมันไปไกลเกินตำรามากแล้ว สิ่งที่เราควรทำเพื่อผลลัพธ์ในการลงทุนคือการมี Research กับสภาพตลาดในปัจจุบัน และสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

การอ่านและท่องจำตำรา ถือเป็น " ก้าวที่ 1 " นะครับ ส่วน " ก้าวที่ 2 " คือการทดลองนำสิ่งที่อยู่ในตำรามาใช้กับของจริง ซึ่งจะรวมถึงการทำ Back Test / Forward Test ด้วย ในก้าวนี้เราจะพบข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ใช่ทุกหลักการที่อยู่ในตำราจะใช้ได้กับตลาดจริง ๆ

และก้าวที่สำคัญก้าวสุดท้าย คือการมี Research กับตลาดของจริง ในก้าวสูงสุดนี้เราจะค้นพบหลาย ๆ สิ่งที่ตำราไม่ได้เขียนเอาไว้ ค้นพบความจริงใหม่ ๆ เกี่ยวกับรูปแบบของตลาด และแน่นอนว่ามันจะทำให้มุมมองของเราเปิดกว้าง ไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ อย่างไร้ขีดจำกัด

ทั้ง 3 ก้าวนี้จะนำเราไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือ "กำไร"

"แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจ การพูดตามตำราก็ยังมีความจำเป็นในเบื้องต้นอยู่ดีครับ"

 

 สรุป

ท่านจะใช้ตำราเล่มไหนก็ได้ หรือใช้หลักการจากหลาย ๆ ตำรามาประยุกต์ใช้ร่วมกันก็ได้ ถ้าทำแล้วบรรลุเป้าหมาย ทำไปเลยครับ ,เป้าหมายในการนับคลื่นคือ รู้ทิศทาง+รู้เป้าหมายราคา  คือนับแล้วต้องรู้ทิศทางว่ากราฟจะขึ้นหรือลง เมื่อได้ทิศทางแล้วก็ต้องคำนวณเป้าหมายได้ ขึ้นเท่าไรและลงเท่าไร  ถ้าการนับของท่านตอบคำถาม 2 ข้อนี้ได้ ก็ไม่ต้องสนใจว่าวิธีการของท่านจะไม่ตรงกับตำราเล่มใดเล่มหนึ่ง จากหลายร้อยหลายสิบตำรา เพราะการ Forecast หรือวิเคราะห์ตลาดได้แม่นยำ ถือเป็น Level ที่สูงกว่าการท่องจำตำราอย่างเทียบกันไม่ได้, กลับกันหากท่านท่องจำตำราได้อย่างแม่นยำ ปฎิบัติตามหลักการในตำราอย่างเคร่งครัดแล้ว แต่การวิเคราะห์ก็ยังไม่สามารถบอกทิศทางของตลาดได้อย่างที่ควรจะเป็น และทุกครั้งที่ผิดทางก็จะมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลรองรับเสมอ (หลังจากที่กราฟเฉลยแล้ว) ตำราลักษณะนี้ยิ่งใช้ Self Estreem ของท่านก็จะยิ่งต่ำ (ความเชื่อมั่น ความนับถือตัวเอง) ดูเหมือนทำอะไรก็ผิดไปหมด ทั้งที่ก็ปฏิบัติตามกฏในตำราทุกข้อแล้ว,  ณ จุดนี้ท่านต้องกล้าหาญที่จะตั้งคำถามถึงหลักการในตำราเล่มนั้น ๆ แล้วหล่ะ ว่ามันใช้ได้จริงหรือเปล่า

ให้ข้อคิดส่งท้ายว่า "ตำราต้องแก้ไขตามตลาด (เพราะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอัพเดท)  ไม่ใช่การยัดเยียดกราฟให้ตรงตามตำรา"

 

 


 

แนะนำติชมมาที่

 

Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

Line ID : i_woottichai

 

ช่อง YouTube : www.youtube.com/@woottichaiinsawang9591

 

มาพูดคุยกันที่แฟนเพจ www.facebook.com/advanceelliottwave