คลื่นย่อยของ 3 ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ถกเถียงกันมากครับ ซึ่ง Concept เดิมของ Ralph Nelson Elliott จะให้คลื่น 3 มี 5 คลื่นย่อย พอเวลาผ่านไปตลาดมีความเปลี่ยนแปลงพบว่า Trend ไม่ได้มีแค่ 5 คลื่น ซึ่งตำราหลายเล่มก็มีการทำ Research ไว้ อย่างตำราที่รู้จักกันดีคือตำราของ Glenn Neely (Mastering Elliott Wave) และตำราอีกหลายเล่มที่คนไม่ค่อยรู้จัก เพราะไม่มีการทำการตลาด

 

เรายังไม่ต้องพูดถึงตำรา แต่มาดูตลาดของจริงกันก่อน

2 ภาพล่างคือ คลื่นย่อยของ 3 มีมากกว่า 5 คลื่นย่อย

 

 

 

 

 ผมไม่ค่อยพูดถึงตำรามานานมาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตลาดปัจจุบันมันไปไกลเกินตำรามากแล้ว สิ่งที่เราควรทำเพื่อผลลัพธ์ในการลงทุนคือการมี Research กับสภาพตลาดในปัจจุบัน และสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

การอ่านและท่องจำตำรา ถือเป็น " ก้าวที่ 1 " นะครับ ส่วน " ก้าวที่ 2 " คือการทดลองนำสิ่งที่อยู่ในตำรามาใช้กับของจริง ซึ่งจะรวมถึงการทำ Back Test / Forward Test ด้วย ในก้าวนี้เราจะพบข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ใช่ทุกหลักการที่อยู่ในตำราจะใช้ได้กับตลาดจริง ๆ

และก้าวที่สำคัญก้าวสุดท้าย คือการมี Research กับตลาดของจริง ในก้าวสูงสุดนี้เราจะค้นพบบางสิ่งที่ตำราไม่ได้เขียนเอาไว้ ค้นพบความจริงใหม่ ๆ เกี่ยวกับรูปแบบของตลาด และแน่นอนว่ามันจะทำให้มุมมองของเราเปิดกว้าง ไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ อย่างไร้ขีดจำกัด

ทั้ง 3 ก้าวนี้จะนำเราไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือ "กำไร"

"แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจ การพูดตามตำราก็ยังมีความจำเป็นในเบื้องต้นอยู่ดีครับ"

 

 

 

แต่เรามาลองดูกันสักหน่อย

อย่างที่บอกมาตลอดว่า ตำรานั้นไม่ได้มีแค่ของ Prechter หรือ Glenn Neely แต่ยังมีอีกเยอะมากครับ ซึ่งแต่ละเล่มก็มีแง่มุมที่น่าสนใจและสามารถนำมาต่อยอดใช้กับตลาดจริง ๆ ได้ อย่างเช่นตำราในรูปด้านล่างเป็นของ Fischer มาจากปี 1976 เป็นการนำตัวเลข Fibonacci มาใช้กับการนับคลื่น Elliott Wave

ถือเป็นตำรา Elliott wave อีกหนึ่งเล่มที่ผมอ่านเมื่อ 20 ปีก่อนแล้วได้ไอเดียเกี่ยวกับการใช้งาน Elliott Wave ในตลาดจริงเยอะมาก

 

 

 

 

 

สองภาพล่าง Fischer ลง Label ให้กับเทรนที่มากกว่า 5 คลื่น ไปแบบตรง ๆ เลย ก็คือนับต่อจาก 5 เป็น 6 7 8 9 

 

ภาพบน เขาแสดงเทรนที่มี 7 คลื่น แล้วเปิด Sell ในคลื่นที่ 8 

 

 

ภาพบนนำเสนอเทรน 9 คลื่น 

 

 

แน่นอนว่าทุกครั้งที่ศึกษาตำราผมจะต้องทำ Research กราฟของจริงเพื่อตรวจสอบทุกครั้ง ว่าหลักการนี้เป็นจริงหรือไม่ ก็พบว่าเป็นจริงครับ มีเทรนที่เกิดแบบนี้บ่อย ๆ ตามรูปด้านล่าง

 

 

 

 

 

 

ส่วนภาพด้านล่างนี้เป็นของ Glenn Neely (Mastering Elliott Wave)

Glenn เลือกที่จะไม่ใช้ตัวเลข แต่ใช้สัญลักษณ์ a b c x a b c เพื่อบอกว่าเทรนนี้ไม่ใช่ Impulsion แต่ก็ความหมายเดียวกันนั่นแหล่ะครับ เป็นเทรนเหมือนกัน แค่ตำราคนละเล่มเลยใช้สัญลักษณ์ต่างกันเท่านั้นเอง

ทีนี้ Glenn เรียกเทรนแบบนี้ว่า Non Standard Correction สังเกตว่ามีคำว่า "Correction" อยู่ด้วย (เพราะเขาลง Label แบบเอาชุด a b c มาต่อกัน)  คนอ่านตำราก็ไม่ควรตีความว่า Correction ในบริบทนี้หมายถึงสภาวะตลาดแบบ Sideway เพราะนอกจากจะเทียบกับตำราอื่น ๆ แล้ว ตัวสภาวะที่เราเห็นก็คือ Trend ไม่ใช่ Sideway ดังนั้นเราจะไม่ตัดสินจากชื่อเรียก แต่ดูจากความเป็นจริงที่ตลาดแสดงออกมา สมมติว่าโยนชื่อเรียกหรือหลักการนับคลื่นออกไป ถามว่านี่คือ Trend หรือ Sideway คงไม่มีนักเทคนิคคนไหนตอบว่า Sideway แน่นอน

 

 

 

รูปบนนี้ Fisher บอกว่าคลื่นย่อยของ 3 มีมากกว่า 5 คลื่น คือเป็น 1 2 3 4 5 6 7 (ถ้าลง Label แบบ Glenn ก็จะเป็น abcxabc เป็นฟอร์ม Double)

 

 

 

 

รูปบนจากหนังสือ Mastering Elliott Wave by Glenn Neely 

เป็นคำบรรยายจากบทที่ 10 ถึงที่อยู่ของรูปแบบเทรนที่มากกว่า 5 คลื่น (Double, Triple) ที่ผมไฮไลและวงเอาไว้ เขาบอกว่าอยู่ใน 1 3 5 ของ Impulsion ได้แต่จะเป็น Terminal Impulse (คลื่น 2-4 ทับกัน) ซึ่งก็เท่ากับว่าสามารถเป็นคลื่นย่อยของ 1 3 5 ได้นั่นเอง แต่ก็ระวังว่าคลื่น 4 จะไหลมาทับกับ 2 (Overlap) แต่ถ้าหากกราฟของจริงไม่ทับกันละ? ก็คือไม่ใช่ Terminal ครับ แต่ก็ไม่สามารถลบล้างข้อเท็จจริงที่ว่าคลื่น 1 3 5 ได้เกิดฟอร์ม Non Standard ไปแล้วได้ (เพราะ 1 - 3 เกิดก่อน 4) เหมือนรูปด้านล่าง ที่คลื่น 3 เป็น a b c x a b c แต่พอจบ 3 แล้ว คลื่น 4 ไม่ไหลมาทับกับ 2 , ดังนั้นในหน้างานจริงถ้าคลื่น  1 3 5 เป็นชุดเทรนแบบ Non Standard ก็เป็นสัญญาณให้ระวัง Terminal Impulse นั่นเองครับ แต่ถ้าจบครบ 5 คลื่นแล้ว 2-4 ไม่ทับกันก็ไม่เป็นไร ไม่มี Effect จากฟอร์ม Terminal Impulse แค่นั้นเองครับ

 

 

รูปบนจากหนังสือ Mastering Elliott Wave by Glenn Neely 

ในกรอบเขาบอกว่า Triple สามารถเป็นคลื่นย่อยของคลื่นที่ยาวที่สุดของ Terminal Impulse ได้ (Longest segment of a Terminal, Extended Segment) หมายถึงคลื่น X1-X3-X5

 

 

 

รูปบน คลื่น X3 เป็น Non Standard (a b c x a b c) ก็ให้ระวังว่า 4 จะย้อยลงมาทับกับคลื่น 2 ทำให้เป็น Terminal Impulse แต่พอจบคลื่น 5 แล้ว คลื่น 4 ไม่ได้ลงมา Overlap กับ 2 ก็ไม่เป็นไร จะไม่เกิดการลงแรงตามฟอร์ม Terminal Impulse 

 

รูปบนอ้างอิงหนังสือบ้าง (Mastering Elliott Wave by Glenn Neely)

ขณะที่วิเคราะห์หน้างานแบบ Real Time ถ้าหากพบว่าคลื่น 1 เป็นเทรนแบบ Non Standard Correction (เกิน 5 คลื่น) ให้ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนการเกิด Terminal Impulsion (2-4 เหลื่อมทับกัน)  ซึ่งเราจะต้องคอยระวังว่าหลังคลื่น 3 จบแล้ว คลื่น 4 จะลงมาลึกจนเหลื่อมทับกับยอด 1  , แต่หาก 4 ไม่ลงมาทับหรือ Overlap กับ 1 เราก็นับคลื่นถัดไปเช่น ABC ต่อได้ตามปกติครับ   เพราะบ่อยครั้งที่เกิดเหตุการณ์ที่เป็นสัญญาณเตือนแบบนี้ แต่กราฟก็ไม่ได้มีอะไรตามสัญญาณเตือน ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ เราสามารถพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้ในความเป็นจริงเช่น แผ่นดินไหวใต้ทะเลถือเป็นสัญญาณเตือนของคลื่นสึนามิ แต่ก็พบว่าหลายครั้งก็ไม่เกิดสึนามิขึ้นตามสัญญาณเตือน แต่เราก็ยังต้องเฝ้าระวังครับ ไม่เกิดไม่เป็นไรแต่ต้องระวัง

 

 

ถ้าต้องการทราบรายละเอียดที่ลึกกว่านี้ผมทำบทความที่เป็นคลิปสอนเอาไว้ทั้งหมด 3 EP เข้าไปศึกษากันได้ครับ

EP1 คลื่นย่อยของ 1-3-5 เป็น Non Standard Correction

EP2 คลื่นย่อยของ 1-3-5 เป็น Non Standard Correction

EP3 คลื่นย่อยของ 1-3-5 เป็น Non Standard Correction

 

 

ส่งท้าย

เทรนที่มากกว่า  5 คลื่นสามารถคำนวณหาทิศทางและเป้าหมายได้นะครับ ถ้าพบเทรนแบบนี้ในกราฟจริง ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนก็ถือว่าเป็นโอกาสในการทำกำไรเลยครับ  

 

 

 


 

ติดต่อสอบถามคอร์สเรียน แนะนำติชมมาที่

 

Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

Line ID : i_woottichai

 

ช่อง YouTube : www.youtube.com/@woottichaiinsawang9591

 

มาพูดคุยกันที่แฟนเพจ www.facebook.com/advanceelliottwave