เวอร์ชั่น VDO จากช่อง YouTube คลิกที่ภาพล่างครับ
เชื่อว่าทุกท่านต้องเคยมีประสบการณ์ใด้รับสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพจากผู้ผลิต แต่ผู้ขายกลับปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าสินค้าของเขาดี 100% แล้วโยนให้เป็นความผิดของผู้ซื้อ โดยไม่พิสูจน์ข้อเท็จจริงใด ๆ , ในทางวิศกรรมถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่การผลิตใด ๆ จะถูกต้องแม่นยำ 100% ผู้ผลิตรายใหญ่จึงรักษาชื่อเสียงของตนด้วยการยอมรับข้อผิดพลาด ด้วยการรับประกัน และเรียกคืนสินค้า เช่น ปี 2025 Tesla เรียกคืนรถยนต์ทั้งหมด 700,000 คันในสหรัฐ ฯ เพราะพบปัญหาด้านวิศกรรม เห็นไหมครับว่าองค์กรที่มีองค์ความรู้ขนาดสร้างจรวด สร้างยานสำรวจอวกาศได้ ก็ยังมีข้อผิดพลาดและยอมรับความผิดพลาดตามตรง โดยไม่มีการบิดเบือนข้อมูลด้วยข้ออ้างต่าง ๆ
ดังนั้นกำแพงที่ใหญ่ที่สุดของการนับคลื่นก็คือ การไม่ยอมรับความผิดพลาด แต่กลับแก้ไข Label กราฟที่จบไปแล้วให้ตรงกับหลักการในตำราด้วยข้ออ้างต่าง ๆ (ตัวอย่างท้ายบทความ)
การนับคลื่นย้อนหลังก็คือการทำ Back Test ระบบ และเป้าหมายของการเก็บข้อมูล Back Test ก็เพื่อต้องการหาว่าระบบมีความแม่นยำและผิดพลาดกี่เปอร์เซ็น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีระบบใดแม่นยำโดยไม่มีความคลาดเคลื่อนเลยแม้แต่ % เดียว, แต่การนับคลื่นย้อนหลังแล้วแก้ไข Label คลื่นให้ตรงกับตำรา คือการพยายามทำให้ระบบไม่มีผิดพลาด ถือว่าผิดธรรมชาติมาก ๆ ครับ นี่จึงเป็นสาเหตุของการนับคลื่นแล้วใช้งานจริงไม่ได้ เพราะไม่มีการเก็บข้อมูลความผิดพลาดของระบบอย่างตรงไปตรงมา

✅ ตัวอย่างภาพบน หลักการในตำราบอกว่า คลื่น 5 มีรหัส 5 หากนับคลื่นโดยยึดถือหลักการรหัสคลื่นย่อย ก็จะวาดรูปคลื่นในอนาคตแบบภาพบน คือต้องมีคลื่น 4-5 ต่อ (ไม่ถือว่ามีอะไรผิดนะครับ เพราะตำราฝรั่งเขียนมาแบบนี้ทุกเล่ม ทุกค่าย)


✅ ภาพบน ตอนจบกราฟเฉลยคลื่น 5 มีแค่ 3 คลื่นแล้วก็จบทันที , สิ่งที่เราต้องทำเพื่อประโยชน์ในอนาคตก็คือ บันทึกข้อมูลไปตามความจริง คลื่น 5 จบที่ 3 คลื่นก็บันทึกไปตามจริงว่ามีแค่ 3 คลื่น ส่วนจะลง Label แบบไหนก็ลงได้เลยครับ ซึ่งเราอาจจะสร้างขึ้นมาใหม่ เช่น ก-ข-ค หรือจะลงค้าง ๆ แค่ 1-2-3 หรือจะลง a-b-c แบบผมก็ได้ , ขอแค่อย่าบิดเบือนข้อมูลว่าเป็น Impulse 5 คลื่นก็พอ
✅ นอกจากนั้นบันทึกไปด้วยว่า > สินค้าอะไร - Timeframe อะไร- เกิดขึ้นในเวลากี่นาฬิกา มีเหตุการณ์สำคัญหรือไม่
✍️ แค่นี้เราก็จะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในอนาคตแล้วครับ แต่หากเราตกแต่งข้อมูลให้ตรงตามตำรา หรือละเลยการนับคลื่นในจุดที่ไม่มีในตำรา เราก็จะนับคลื่นโดยใช้ความศรัทธาเป็นตัวนำ เชื่อสนิทใจว่ารหัส 5-3-5 เป็นจริงโดยไม่ตั้งคำถามและตรวจสอบ พอกราฟไม่เป็นไปตามรูปวาด 5-3-5 ก็โทษตัวเองว่านับผิด , แต่การมีข้อมูลที่ถูกต้องจะทำให้เรารู้วิธีแก้ รวมถึงเห็นโอกาสใหม่ ๆ ด้วย เช่นภาพนี้ ถ้าเรายึดว่า 5 ต้องมี 5 คลื่นเท่านั้น เราก็จะไม่กล้าเปลี่ยนหน้าเล่น แต่กลับใส่ไม้ Buy เพิ่มเข้าไปอีก โดยคิดแค่ว่ามันต้องมี 5 คลื่นตามหนังสือสิ
✅ ส่วนการนับกราฟแบบยัดเยียดหลังจบเกมส์ ดูภาพล่างครับ
❌ภาพนี้คือสิ่งที่หนังสือ Elliott Wave Principle (ปกน้ำเงิน) จะทำ คือการยัดเยียดคลื่นใน Timeframe เล็ก ๆ ขึ้นมานับร่วมกับคลื่นใน Timeframe ใหญ่ เพื่อให้มี 5 คลื่นตามรหัสคลื่นย่อย ถือเป็นการนับคลื่นแบบตกแต่งข้อมูลหลังจบเกมส์
❌ส่วนตำรา Mastering Elliott Wave (ปกแดง) จะเรียกหลักการนี้ว่า Missing wave คือใช้คลื่นเล็ก ๆ มานับให้เป็นคลื่นดีกรีใหญ่ ถือเป็นหลักการที่ตกแต่งข้อมูล ทำให้ทฤษฎี 5-3-5 ไม่มีวันผิดหลังเกมส์จบเช่นกัน
แต่เล่มนี้ก็ยังดีขึ้นมานิดนึง ตรงที่ยังใช้คำว่า Assumed (การสันนิษฐาน) Look like (ดูคล้ายว่า) คือยังแบ่งรับแบ่งสู้กึ่ง ๆ ว่าจะใช่หรือไม่ใช่
วิธีแบบนี้ไม่สามารถใช้วิเคราะห์ใน Real Time ได้ แต่เป็นการสร้างหลักการขึ้นมาเพื่อซัพพอร์ตเมื่อกราฟไม่เป็นไปตามรหัส 5-3-5 ดีกับคนเขียนหนังสือ แต่ไม่ดีกับผู้อ่านครับ

SOL/USDT, H1
ภาพบนเป็นการนับคลื่นจากเพจของหนังสือ Elliott Wave Principle วันที่ 13 Jun 2025, สังเกตที่คลื่น 5 ใหญ่สีแดงครับ จริง ๆ แล้วคลื่นภายในมีแค่ 3 คลื่นเท่านั้น แต่เขายัดเยียดให้มี 5 คลื่นโดยใช้คลื่นเล็ก ๆ ที่แทบจะสังเกตไม่เห็นมาเป็นคลื่น 2 ย่อย(ชุดสีเขียว)

SOL/USDT, M15
ภาพบนหากเราเปลี่ยน Timeframe ให้เล็กลงเป็นราย 15 นาที ก็จะพบว่าคลื่น (1)-(2) สีเขียวคือ Impulsion ของชุดใน Timeframe เล็ก ๆ (ดีกรีย่อย) ไม่ใช่ (1)-(2) ของชุดราย 1 ชั่วโมงแบบภาพก่อนหน้า

ภาพบนเป็นการนับคลื่นจากเพจของหนังสือ Elliott Wave Principle วันที่ 5 Dec 2024 , สังเกตที่คลื่น 1 ใหญ่สีแดงครับ จริง ๆ แล้วคลื่นภายในมีแค่ 3 คลื่นเท่านั้น แต่เขายัดเยียดให้มี 5 คลื่นโดยใช้คลื่นเล็ก ๆ ที่แทบจะสังเกตไม่เห็นมาเป็นคลื่น 2 ย่อย(ชุดสีเขียว)
* 2 ภาพด้านบนเป็นภาพที่ผมลง Label ตาม Official fanpage ของหนังสือนะครับ ทุกท่านสามารถเข้าไปดูภาพจริงได้จากวันเวลาการโพสต์ที่ผมระบุ
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงทฤษฎี "ฟางในชะลอม" ของอาจารย์ เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ จากหนังสือการคิดเชิงวิเคราะห์

ทฤษฎีชะลอม เปรียบได้กับคน ๆ หนึ่งที่มีสมติฐานหรือมีความเชื่ออย่างสนิทใจ ว่ากองฟางมีรูปร่างเหมือนชะลอม จึงพยายามหาข้อพิสูจน์ แต่หาเท่าไรกองฟางก็ยังคงมีรูปร่างต่าง ๆ ไม่เหมือนชะลอม แต่แทนที่เขาจะทำการพิสูจน์ความเชื่อหรือสมติฐานนั้น เขากลับอัดฟางลงไปในชะลอมจนแน่น แล้วเอากรรไกรตัดเล็มฟางที่เล็ดลอดออกมาจากชะลอมนั้น จนมันเรียบ จากนั้นจึงถอดชะลอมออก แล้วเที่ยวบอกใครต่อใครว่า “เห็นไหม ... กองฟางรูปร่างเหมือนชะลอมแล้ว” เป็นการสร้างความเชื่อให้เป็นความจริง โดยการคัดข้อมูลออกตามใจ เพื่อให้ข้อมูลลงตัวตามเป้าหมาย แล้วพยายามบอกคนอื่นให้เชื่อตาม
"สภาวะที่แท้จริงของตลาดคือความเป็นไปได้ที่หลากหลาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกล็อกด้วยรหัสคลื่นทุกครั้ง วิธีเดียวที่จะทำให้หลักการรหัสคลื่น 5-3-5 เป็นจริงขึ้นมาได้ทุกครั้ง ก็คือต้องทำแบบเดียวกับฟางในชะลอม"

ภาพบน หนังสือการคิดเชิงวิเคราะห์ อ.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
ทฤษฏีฟางในชะลอมถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดได้ดีทีเดียวครับ เพราะไม่ว่าจะยุคไหนการตัดแต่งข้อมูลให้คนหลงเชื่อ คาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไม่เคยหายไป มีแต่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ , ทักษะการตรวจสอบข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา จึงเป็นทักษะที่สำคัญในการฝึกลูกหลานของเราครับ
ติดต่อสอบถามคอร์สเรียน แนะนำติชมมาที่
Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Line ID : i_woottichai
ช่อง YouTube : www.youtube.com/@woottichaiinsawang9591
มาพูดคุยกันที่แฟนเพจ www.facebook.com/advanceelliottwave

