เวอร์ชั่นคลิปบรรยายใน YouTube กดที่ภาพครับ
ยอมให้คลื่น 2 ยาวกว่าคลื่น 1 ได้ เพราะยึดรหัสคลื่นย่อย

เปิดไปที่หน้า 177 Figure 6-10 จากนั้นดูคลื่นย่อยของขา C จุดที่ลูกศรชี้ จะเห็นว่าหนังสือนับให้คลื่น 2 ยาวกว่าคลื่น 1 ซึ่งผิดหลักการสำคัญ Essential Construction Rule หรือ Dow Theory นั่นเองครับ

ภาพบนผมทำการตรวจสอบข้อมูลเพื่อไม่ให้ผิดพลาด โดยการค้นหากราฟตัวเดียวกันแล้วนับคลื่นตามหนังสือเล่มนี้ จะเห็นชัดเจนว่าคลื่น 2 ยาวกว่า 1
ภาพบน ตามหลักการรหัสคลื่นย่อย ขา C มีรหัส 5 ต้องมี 5 คลื่น (ตามทฤษฎี)
เหตุผลที่ตำรา Elliott Wave Principle นับให้คลื่น 2 ยาวกว่า 1 เพราะยึดติดกับรหัสคลื่นย่อย 5-3-5 อย่างรหัสคลื่นย่อยของ C คือ 5 เขาก็จะนับให้มี 5 คลื่นแม้จะผิดกฏข้ออื่น ๆ

จริง ๆ แล้วภาพนี้เรานับไปตามความเป็นจริงเลยครับ ถ้า C มีแค่ 3 คลื่นก็นับไปตามจริงว่ามีแค่ 3 (เป็นABC) ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดให้มี 5 คลื่น โดยทำลายหลักการสำคัญอย่าง Dow Theory (2 ห้ามยาวกว่า 1 และ 4 ห้ามยาวกว่า 3) , เพราะรหัสคลื่นย่อยเป็นหลักการที่ทำซ้ำไม่ได้ในความเป็นจริงอยู่แล้ว ยิ่งยึดติดก็ยิ่งไม่สามารถนำหลักการ Elliott Wave ไปใช้จริงได้
ถ้าติดตาม Fan page Facebook ของหนังสือเล่มนี้ก็จะพบการวิเคราะห์ผิดหลักการ Elliott Wave ได้บ่อย ๆ ครับ เช่น 2 ภาพด้านล่างเขานับให้คลื่น 1 และ 2 ยาวเท่ากัน ซึ่งว่าตามหลักการของ Dow Theory แล้วไม่ถูกต้องครับ เพราะคลื่น 2 คือ Retracement ของคลื่น 1 ดังนั้นคลื่น 2 จะต้องสั้นกว่าคลื่น 1 เสมอ ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นก็คือจะต้องไม่เกิน 99% จะเท่ากันแบบที่หนังสือเล่มนี้นับไม่ได้ครับ
เข้าไปที่แฟนเพจ Elliott Wave International
ดูโพสต์วันที่ 13 Feb 2025, เขานับกราฟ ZB1 ราย H4 เปิดกราฟย้อนหลังดูตามได้เลยครับ
2 ภาพนี้ผมลง Label ตามที่เขานับลงเพจนะครับ (ถ้าผมนับเองจะไม่นับให้ผิดหลักการ Dow Theory แบบนี้แน่นอน)

ภาพบน ในวงกลมกลางภาพคือตำแหน่งคลื่น 1-2 ซึ่งเขาใช้สัญลักษณ์ i - ii , วงกลมบนสุดแสดงราคาที่ตำแหน่งโลว์ 0 (หรือ C) อยู่ที่ 112'17 (ตรวจสอบโดยการนำเส้นประไปวางที่แท่งเทียนที่ต้องการตรวจสอบ ราคาสูงสุด-ต่ำสุด ราคาเปิด-ปิด)

ภาพบน ผมเอาเส้นประไปวางที่โลว์ ii บ้าง ราคา 112'17 เท่ากับโลว์ 0 ในภาพก่อนหน้า
แบบนี้นับผิดหลักการพื้นฐานของ Dow Theory ครับ เหตุผลที่เขาต้องนับแบบนี้เพราะต้องการยัดเยียดให้ (c) สีม่วงมี 5 คลื่นตามรหัสคลื่นย่อย เหมือนกับที่นับให้ 2 ยาวกว่า 1 นั่นเองครับ เพราะถ้าไม่นับแบบนี้ (c) ก็จะเหลือแค่ 3 คลื่น ว่าตามจริง c มี 3 คลื่นถือว่าไม่มีอะไรผิด แต่การนับให้คลื่น 2 เท่ากับ 1 หรือยาวกว่า 1 อันนี้ผิดแน่นอนครับ

สังเกตว่าการนับกราฟจริงในหนังสือเล่มนี้ หากมีจุดที่กราฟไม่เป็นไปตามหลักการรหัสคลื่นย่อย บางครั้งเขาจะใช้วิธีการเลี่ยงโดยไม่ลง Label เช่นบางภาพคลื่น 2 มี 5 คลื่นย่อย เขาก็ไม่ลง label ให้คลื่นย่อยของ 2 เพราะถ้าลงก็ต้องนับ 5 ซึ่งผิดหลักการรหัสคลื่นย่อย (คลื่น 2 มีรหัส 3) ,เอาไว้ผมจะนำมาทำเป็นบทความให้อ่านกันคราวหน้าสำหรับเคสนี้
เป้าหมายของบทความชุดนี้
เรื่องตำรา Elliott Wave ของฝรั่งผมค้นคว้าและทำ Research เก็บไว้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่ว่าไม่เคยนำมาเผยแพร่
จนกระทั้งผมกลับมาอัพเดทเพจเมื่อปลายปี (หลังจากหายไปนาน) ก็มีเพื่อนสมาชิกคัดลอกสิ่งที่อยู่ในตำรามาคอมเมนต์ เช่น 2 ภาพล่าง
ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปวันที่เพิ่งอ่านตำรา อ่านแล้วก็ว้าวกับหลักการ และเชื่อทุกอย่างที่ตำราเขียนโดยไม่มีการตรวจสอบว่าหลักการเหล่านั้นใช้ได้จริงหรือไม่ บทความชุดนี้จึงขอพาทุกท่านร่วมกันตรวจสอบไปทีละส่วนว่า หลักการที่เขียนในตำราเล่มนี้ใช้ได้จริงมากน้อยแค่ไหนครับ

CEWA คือผู้ที่อ่านหนังสือเล่มน้ำเงินที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ (Elliott Wave Principle) เพื่อสอบเอาใบ Certificate จากผู้เขียนตำรา
ผมทำบทความอธิบายเอาไว้แล้วนะครับ สำหรับการบอกว่าคลื่น 2 ห้ามเป็น Triangle ของหนังสือเล่มน้ำเงิน หนังสือก็เขียนแบบนี้จริง ๆ นะครับ แต่กราฟจริงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเขียน ถ้าตรวจสอบกันจริง ๆ จะพบว่า Triangle เกิดในคลื่น 2 ในกราฟจริงบ่อยมาก การอ่าน/ฟังแล้วเชื่อทันทีโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบด้าน ถือเป็นเหยื่อในวงการลงทุนนะครับ, ผมทำเป็น Case Study ไว้ในบทความแล้ว Triangle ไม่ใช่การเก็บของและอยู่ใน W.2 ได้
หรือคอมเมนต์แบบด้านล่าง

คนนับคลื่นที่มีประสบการณ์กับกราฟจริงมักจะเจอคอมเมนต์แบบภาพนี้ครับ คือการคอมเมนต์/พูดตามตำรา โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน อ่านแล้วเชื่อทันทีโดยไม่ตรวจสอบ ไม่ถือว่าเป็นวิสัยที่นักลงทุนเขาทำกันนะครับ
ถ้ารู้ว่าส่วนใดของตำราใช้ได้และใช้ไม่ได้จริง ก็จะทำให้ผู้เริ่มต้นศึกษาประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเอง คือเป้าหมายหลักของบทความชุดนี้ครับ

Elliott wave Principle เป็นหนังสือที่ผมอ่านเมื่อ 20 ปีก่อน เคยทำรีวิวไว้เมื่อปี 2013 ในคลิปผมพูดแค่ว่าผมไม่ใช้หนังสือเล่มนี้ในการเทรด แต่ก็ไม่ได้อธิบายรายละเอียดว่าทำไมถึงไม่ใช้ ในซีรีส์นี้จะมาเล่าให้ฟังเป็นตอน ๆ ครับว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่คนอ่านไม่ควรนำหลักการในหนังสือเล่มนี้ไปใช้จริง
เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาเรียนรู้สิ่งที่ใช้จริงไม่ได้
*ถึงอย่างนั้นก็มีบางจุดที่สามารถนำไปใช้ได้ แต่จะเป็นในส่วนของ Concept ที่เป็นเส้นก้างปลาไม่ใช่การนับกราฟจริง
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงทฤษฎี "ฟางในชะลอม" ของอาจารย์ เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ จากหนังสือการคิดเชิงวิเคราะห์

ทฤษฎีชะลอม เปรียบได้กับคน ๆ หนึ่งที่มีสมติฐานหรือมีความเชื่ออย่างสนิทใจ ว่ากองฟางมีรูปร่างเหมือนชะลอม จึงพยายามหาข้อพิสูจน์ แต่หาเท่าไรกองฟางก็ยังคงมีรูปร่างต่าง ๆ ไม่เหมือนชะลอม แต่แทนที่เขาจะทำการพิสูจน์ความเชื่อหรือสมติฐานนั้น เขากลับอัดฟางลงไปในชะลอมจนแน่น แล้วเอากรรไกรตัดเล็มฟางที่เล็ดลอดออกมาจากชะลอมนั้น จนมันเรียบ จากนั้นจึงถอดชะลอมออก แล้วเที่ยวบอกใครต่อใครว่า “เห็นไหม ... กองฟางรูปร่างเหมือนชะลอมแล้ว” เป็นการสร้างความเชื่อให้เป็นความจริง โดยการคัดข้อมูลออกตามใจ เพื่อให้ข้อมูลลงตัวตามเป้าหมาย แล้วพยายามบอกคนอื่นให้เชื่อตาม
"สภาวะที่แท้จริงของตลาดคือความเป็นไปได้ที่หลากหลาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกล็อกด้วยรหัสคลื่นทุกครั้ง วิธีเดียวที่จะทำให้หลักการรหัสคลื่น 5-3-5 เป็นจริงขึ้นมาได้ทุกครั้ง ก็คือต้องทำแบบเดียวกับฟางในชะลอม"

ภาพบน หนังสือการคิดเชิงวิเคราะห์ อ.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
ทฤษฏีฟางในชะลอมถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดได้ดีทีเดียวครับ เพราะไม่ว่าจะยุคไหนการตัดแต่งข้อมูลให้คนหลงเชื่อ คาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไม่เคยหายไป มีแต่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ , ทักษะการตรวจสอบข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา จึงเป็นทักษะที่สำคัญในการฝึกลูกหลานของเราครับ
สามารถกดสั่งซื้อหนังสือจากเว็บไซต์ของผู้เขียนโดยตรง www.elliottwave.com/books
ติดต่อสอบถามคอร์สเรียน แนะนำติชมมาที่
Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Line ID : i_woottichai
ช่อง YouTube : www.youtube.com/@woottichaiinsawang9591
มาพูดคุยกันที่แฟนเพจ www.facebook.com/advanceelliottwave

